นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศเจตนารมณ์ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมใน ๔ ประเด็นปัญหาหลัก คือ
๑) การตั้งครรภ์ไม่พร้อม (คุณแม่วัยใส)
๒) การค้ามนุษย์
๓) แรงงานเด็ก
๔) ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และคนพิการ
โดยนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เปิดตัว OSCC (One Stop
Crisis Center) ศูนย์ช่วยเหลือสังคม เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๖
เพื่อให้เกิดการบูรณาการในการทำงานร่วมกันทุกภาคส่วน
ก่อให้เกิดการพัฒนาการให้บริการ สามารถส่งต่อปัญหาอย่างเป็นระบบ รวดเร็ว
และมีกระบวนการในการติดตามอย่างครบวงจร
ให้ผู้ประสบปัญหาทางสังคมได้รับการดูแล ฟื้นฟู
ทำให้บุคคลเหล่านั้นสามารถกลับมาดำรงชีวิตอยู่ในสังคมและสามารถดูแลตนเอง
ครอบครัว ได้อย่างปกติสุข ซึ่งกระทรวงฯ
มีภารกิจหลักในการดำเนินการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างความมั่นคงในชีวิตแก่
ประชาชน
และเป็นหนึ่งในหน่วยงานบูรณาการหลักในการดูแลปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี
ผู้สูงอายุ และคนพิการ อีกทั้งยังเป็นหน่วยแรกในการรับแจ้งปัญหาทางสังคม
และให้ความช่วยเหลือภายใต้แนวคิด รับ - รุก – รวดเร็ว โดย"รับ” คือ การรับรู้ถึงปัญหา การแจ้งขอความช่วยเหลือ และการแจ้งเบาะแสปัญหาทางสังคมต่างๆ ผ่านช่องทางสายด่วน ๑๓๐๐ ทางเวปไซต์ www.osccthailand.go.th หรือจากเครือข่ายในการทำงาน "รุก”
คือ การรุกเข้าถึงปัญหาอย่างบูรณาการกับภาคีเครือข่าย
ซึ่งศูนย์ช่วยเหลือสังคม ๒๔ ชั่วโมง OSCC ๑๓๐๐ ในขณะนี้กระทรวงฯ
ได้ร่วมกันทำงานระหว่าง มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี
ตำรวจผู้สื่อข่าว จิตอาสาและอาสาสมัคร ในการลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ "รวดเร็ว”
คือ การให้บริการรวดเร็ว ทันต่อปัญหา และผู้รับบริการมีความประทับใจ
โดยมีการให้ความช่วยเหลือครบวงจร ประสานส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
กระทั่งผู้ประสบปัญหาทางสังคมสามารถยืนหยัดอยู่ในสังคมได้ด้วยตนเอง
นางปวีณา
กล่าวต่อไปว่า สำหรับการให้บริการของศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC
ได้จัดแบ่งพื้นที่ในการให้บริการออกเป็น ๗ ส่วน ได้แก่ สายด่วน ๑๓๐๐
ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ฝ่ายบริหาร ห้องประชุม ทีมสหวิชาชีพ ห้องประชุมใหญ่
ห้องปฏิบัติการร่วมและห้องให้คำปรึกษา
ซึ่งห้องแต่ละส่วนพร้อมสำหรับการให้บริการแก่ผู้ประสบปัญหาทางสังคมได้ตลอด
๒๔ ชั่วโมง ตัวอย่างเช่น กรณี Walk In มีการดำเนินงานคือ
๑) เดินทางมาติดต่อจุดรับเรื่องที่จุด In Take
๒) นักสังคมสงเคราะห์ศูนย์ประชาบดี ๑๓๐๐ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับชื่อ-นามสกุล อายุ ที่อยู่ อาชีพ และสภาพปัญหาความเดือดร้อน
๓) นักสังคมฯ
ให้คำปรึกษา แนะนำกระบวนการให้ความช่วยเหลือของกระทรวงฯ
ตามสภาพปัญหาภายในห้องให้คำปรึกษา (counseling)
นอกจากนี้หากผู้รับบริการต้องการขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการแจ้งความดำเนินคดี
สามารถขอคำปรึกษาเพิ่มเติมได้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ๑๙๑
ที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำอยู่ภายในห้องปฏิบัติการร่วมศูนย์ประชาบดีและภาคี
เครือข่าย
๔)
ในกรณีที่จะต้องประสานส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนักสังคมฯ
จะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ CallCenter
ประสานงานไปยังสถานสงเคราะห์ตามกลุ่มเป้าหมายต่างๆ
กรณีที่โทรเข้าสายด่วน ๑๓๐๐ มีการดำเนินงานคือ
๑) เจ้าหน้าที่ CallCenter จะดำเนินการรับข้อมูลเบื้องต้นไว้
๒) เจ้าหน้าที่ CallCenter นำข้อมูลเบื้องต้นมาปรึกษากับนักสังคมฯ และนักสังคมฯ จะพิจารณาตามกรณีเพื่อดำเนินการช่วยเหลือ
๓) กรณี
ที่เป็นกรณีเร่งด่วนทางนักสังคมฯ ศูนย์ประชาบดี ๑๓๐๐
หน่วยเคลื่อนที่เร็วจะดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความช่วย
เหลือทันที
อย่างไรก็ตาม "กระทรวงฯ
จะเดินหน้าให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบปัญหาทางสังคม
ซึ่งก่อให้เกิดการพัฒนาสังคมอย่างครบถ้วน ทุกกลุ่มปัญหาและทุกกลุ่มเป้าหมาย
ให้ผู้ที่ประสบปัญหาทางสังคมได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึง
เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น" นางปวีณา กล่าวตอนท้าย.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น